[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
เมนูหลัก
ลิงค์ข่าว
ผลงานวิจัย
ผลงานวิจัย
ผลงานวิจัย
ผลงานวิจัย
facebook bhh
การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
กระทรวงศึกษาธิการ
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ระบบสารสนเทศ
เทศบาลเมืองหัวหิน
เว็บไซต์เพื่อการศึกษา


  

  หมวดหมู่ : บทความทางวิชาการ
เรื่อง :
โดย : admin
เข้าชม : 26
จันทร์ ที่ 6 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2568 ปักหมุดและแบ่งปัน
     

ระบบอาหารโลกสั่นคลอน จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรวดเร็ว หนึ่งในผลกระทบที่รุนแรงที่สุดคือความมั่นคงทางอาหาร อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นจะลดความสามารถของโลกในการผลิตอาหารจากพืชอาหารหลักส่วนใหญ่ แม้จะคำนึงถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและการปรับตัวของเกษตรกรแล้วก็ตาม
ระบบอาหารของโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้ว่าเกษตรกรจะพยายามปรับตัวอยู่แล้วก็ตาม ตามรายงานการศึกษาในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน แตกต่างจากงานวิจัยก่อนหน้านี้ ที่รายงานว่า อุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้การผลิตอาหารทั่วโลกเพิ่มขึ้น แต่งานวิจัยฉบับนี้รายงานว่า ทุกๆ 1 องศาเซลเซียสของภาวะโลกร้อน จะทำให้ความสามารถของโลกในการผลิตอาหารลดลงโดยเฉลี่ยเท่ากับ 120 แคลอรี่ต่อคนต่อวัน หรือคิดเป็น 4.4% ของการบริโภคต่อวันในปัจจุบัน ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากกว่า 12,000 พื้นที่ใน 55 ประเทศ และวิเคราะห์พืชอาหารหลักที่ให้พลังงานถึงสองในสามของแคลอรี่ที่มนุษย์บริโภค
สำหรับ งานวิจัยก่อนหน้านี้ไม่ได้นำการปรับตัวของเกษตรกรในชีวิตจริงมาคิดด้วย โดยสมมุติให้เกษตรกร “ปรับตัวได้สมบูรณ์แบบ” หรือ “ไม่ปรับตัวเลย” ในขณะที่ งานวิจัยใหม่นี้เป็นครั้งแรกที่วัดได้อย่างเป็นระบบว่าเกษตรกรมีการปรับตัวอย่างไร อาทิ การเปลี่ยนพันธุ์พืช การปรับช่วงเวลาปลูกและเก็บเกี่ยว และการเปลี่ยนปริมาณปุ๋ยที่ใช้ อีกทั้ง มีการคาดว่า การปรับตัวเหล่านี้สามารถลดความเสียหายจากโลกร้อนได้ประมาณ 1 ใน 3 ภายในปี 2100 หากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ความเสียหายที่เหลือยังคงอยู่
จากการวิเคราะห์พบว่า หากอุณหภูมิโลกเฉลี่ยสูงกว่าช่วงปี 2001–2010 มากกว่า 2 องศาเซลเซียส ความสามารถในการผลิตอาหารจากพืชอาหารหลัก จะลดลงเกือบ 25% แม้ตอนนี้โลกจะร้อนขึ้นมาแล้วประมาณ 1.5 องศาเซลเซียส จากยุคก่อนอุตสาหกรรม เกษตรกรก็เริ่มเห็นผลกระทบแล้ว เช่น ฤดูแล้งยาวนานขึ้น คลื่นความร้อนนอกฤดู สภาพอากาศแปรปรวน แม้จะมีการเพิ่มปัจจัยการผลิต อย่าง ปุ๋ย และน้ำก็ตาม
นอกจากนี้ได้มีการจำลองสถานการณ์ 2 แบบ คาดวว่า ในปี 2100 หากลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างรวดเร็วถึงระดับ Net Zero ผลผลิตจะลดลง 11% แต่หากไม่ลดเลย ผลผลิตจะลดลง 24% ในขณะที่ภายในปี 2050 คาดว่า ผลผลิตทั่วโลกลดลง 8% ไม่ว่าจะควบคุมการปล่อยก๊าซได้มากน้อยเพียงใด เพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังคงอยู่ในชั้นบรรยากาศเป็นร้อยปี และก่อให้เกิดความเสียหายระยะยาว
งานวิจัยนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงปัญหาของสิ่งแวดล้อม แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่คุกคามความมั่นคงทางอาหารของโลก แม้ว่าเกษตรกรจะปรับตัวได้บางส่วน แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะต้านทานผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง ความสามารถในการผลิตอาหารทั่วโลกจะลดลงอย่างมาก สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือการตัดสินใจที่เด็ดขาดทั้งในระดับนโยบายและการลงทุน เพื่อให้เกษตรกรทั่วโลกมีเครื่องมือ ความรู้ และทรัพยากรเพียงพอในการเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่แน่นอน

ที่มา : https://sustainability.stanford.edu/.../climate-change...

"ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน"
#DCCE
#กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม





Not Rated stars เฉลี่ย : Not Rated จาก 0 ครั้ง.

บทความทางวิชาการ5 อันดับล่าสุด

      6/ต.ค../2568
      6/ต.ค../2568
      6/ต.ค../2568
      6/ต.ค../2568
      6/ต.ค../2568